สามมิตรมอเตอร์ส ตอกย้ำเบอร์หนึ่งตลาดรถบรรทุกและรถพ่วง ชูหมัดเด็ดเหล็ก Hi-Tensile รุกทำตลาดไทยและอาเซียน
สามมิตรมอเตอร์ส ยักษ์ใหญ่ตลาดรถบรรทุกและขนส่ง ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาด ยกระดับสินค้าให้เหนือกว่า ชูจุดเด่นนวัตกรรมใหม่ใช้เหล็กพิเศษ “ไฮ เทนไซล์” (Hi Tensile) เจ้าเดียวในตลาด เพิ่มความแข็งแรงทนทาน แต่น้ำหนักเบาลงถึง 2 ตัน ตอบโจทย์ผู้ใช้งานให้กับในทุกเซ็กเม้นท์ ต่อยอดสู่บริการหลังการขายครบวงจร พร้อม ตั้งเป้าภายใน 3 ปี รุกตีตลาด AEC รับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
นายสุริยา โพธิ์ศิริสุข กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามมิตรมอเตอร์สแมนูแฟคเจอริง จำกัด (มหาชน) ภายใต้ สามมิตร กรุ๊ป โฮลดิ้ง เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรถบรรทุกในระยะที่ผ่านมา มีอัตราเติบโตปีละประมาณ 5-7 % โดยในปี 2561 ที่ผ่านมาตลาดรวมรถบรรทุกมีประมาณ 29,000 คัน และคาดการณ์ว่าในตลาดรถบรรทุกในปี 2562 จะมีประมาณ 31,000 คัน โดยช่วงครึ่งหลังของปี 2562 ตลาดจะค่อยๆขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากนโยบายรัฐบาลยังคงให้การสนับสนุนในด้านการลงทุน ทั้งโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาคธุรกิจโลจิสติกส์และการขนส่งสินค้ามีอัตราการเติบโตตามไปด้วย รวมถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องของธุรกิจ E-Commerce ทั้งภายในประเทศและกลุ่มประเทศอาเซียน ยังส่งผลให้ธุรกิจโลจิสติกส์เติบโตอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“สามมิตรมอเตอร์ส ในฐานะผู้นำด้านการผลิตรถบรรทุกและรถพ่วง ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน และตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครอบคลุม ซึ่งปัจจุบันสามมิตรมีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกเซ็กเม้นท์ ตั้งแต่ First Mile Delivery จนถึง Last Mile Delivery เรามีรถบรรทุกแต่ละประเภทที่เหมาะกับการใช้ทุกกลุ่ม อาทิ กลุ่มภาคการก่อสร้างและลงทุน ภาคการเกษตร ภาคขนส่ง โลจิสติกส์ทั่วไป กลุ่มเฉพาะกิจ หรือ รถที่ใช้สำหรับภาครัฐ และกลุ่มรถพิเศษ เช่น รถขยะ รถสำหรับใช้ในสนามบิน ที่ต้องมีการออกแบบพิเศษให้เหมาะสมกับการใช้งาน”
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ “สามมิตร” เป็นผู้นำตลาดมายาวนาน คือการที่ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ และการบริการหลังการขายที่ครบวงจร ทำให้ สินค้าของสามมิตรป็นเจ้าเดียวที่กล้ารับประกันคุณภาพถึง 3 ปี
และเพื่อให้สอดรับกับนโยบายของภาครัฐในเรื่องการบรรทุกน้ำหนักและความปลอดภัยรวมถึงการคำนึงถึงประโยชน์และความคุ้มค่าทางธุรกิจให้กับลูกค้า สามมิตรจึงให้ความสำคัญในเรื่องของน้ำหนักเบา โดยได้ทำการวิจัยและพัฒนากับผู้ผลิตเหล็กชั้นนำระดับโลก ในการนำเหล็กพิเศษ “ไฮ เทนไซล์” (Hi Tensile) มาใช้สำหรับการผลิตตัวถังรถบรรทุกและรถพ่วง และสำหรับผลิตโครงสร้าง Chassis Frame ของรถพ่วง(Semi Trailer)ด้วย ซึ่งคุณสมบัติของเหล็ก “ไฮ เทนไซล์” จะมีความแข็งแรง ทนทาน กว่าเหล็กทั่วไปประมาณ 30-40% แต่มีน้ำหนักเบากว่า ทำให้น้ำหนักของตัวรถเบาลงกว่า 2 ตัน ทำให้สามารถบรรทุกสินค้าได้เพิ่มขึ้น 2 ตัน เพิ่มกำไรให้กับผู้ประกอบการขนส่ง และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ซึ่งสามมิตรถือเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในตลาด ที่นำเหล็กพิเศษนี้มาใช้ในการผลิตตัวถังรถทุกประเภท นอกจากนี้ทางสามมิตรยังมีทีม Engineer สำหรับการออกแบบและพัฒนาตัวถังและอุปกรณ์ เพื่อให้สามารถนำเสนอ Solution ที่สอดคล้องกับการใช้งานของผู้ใช้ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้รถได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์การใช้งานได้มากขึ้น ทำให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น
นอกจากนี้ สามมิตรยังมีอะไหล่รถบรรทุกและรถพ่วงภายใต้แบรนด์ SMM จำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้ง Hydraulic Gear Pump PTO และระบบช่วงล่างของรถเทรเลอร์ และอะไหล่คุณภาพจากพันธมิตรซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกอาทิระบบเบรค ABS, EBS ของ รถพ่วงจาก Knoor Bremse ประเทศเยอรมันนีระบบช่วงล่างถุงลมจาก Hendrickson จากอเมริกา เป็นต้น
ส่วนในด้านการบริการหลังการขาย สามมิตรต่อยอดธุรกิจจากผู้ผลิตรถบรรทุกและรถเทรเลอร์ มาเป็นผู้ให้บริการ โดยได้จัดตั้งศูนย์บริการบำรุงรักษารถบรรทุกและรถ Trailer ที่ได้มาตรฐาน ด้วยเงินลทุน 100 ล้านบาท มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ภายใต้ชื่อ SMM Pro Truck ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างสามมิตรและบริษัท PTG Energy จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันมี 10 สาขา และตั้งเป้า 100 สาขา ภายในปี 2567
จากการยกระดับสินค้าที่เป็นเจ้าตลาดอยู่แล้วให้เหนือขึ้นไปอีก ทำให้สามมิตรมีความมั่นใจที่จะทำตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในระยะ 3 ปีจากนี้ จะรุกทำตลาดต่างประเทศมากขึ้น เริ่มจากตลาด AEC อาทิ อินโดนีเซีย ฟิลิปินส์ กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เป็นต้น เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีการเติบโตทาง GDP อย่างต่อเนื่อง และมีการลงทุนด้านสาธารณูปโภคทั้งสร้างถนน ท่าเรือ สนามบิน อีกทั้งการเติบโตทางด้านโลจิสติกส์ทำให้จำเป็นต้องใช้รถบรรทุกเพื่อการขนส่งสินค้ามากขึ้น ณ ปัจจุบันทางสามมิตรได้มีการตั้งโรงงานผลิตตัวถังรถบรรทุกที่ประเทศอินโดนีเซีย และจะขยายไปยังประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อเป็นฐานยุทธ์ศาสตร์ของตลาดอาเซียนต่อไป
ที่มา :https://www.trjournalnews.com/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%…/